วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

PostmodernismAndModernism

Post modernism
Postmodernism เป็น ถ้อยคำและกรอบความคิดที่ซับซ้อน เกิดขึ้นในแวดวงวิชาการตั้งแต่กลางปี ๑๙๘๐ มีคำจำกัดความที่ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะมันเป็นแนวคิดหนึ่งที่ปรากฏในความหลากหลายของกฏเกณฑ์หรือแขนงวิชาการ ต่างๆ รวมถึงศิลปะ สถาปัตยกรรม ดนตรี ภาพยนตร์ วรรณคดี สังคมวิทยา สื่อสารมวลชน แฟชั่น และเท็คโนโลยี และยากที่จะระบุช่วงเวลาและประวัติศาสตร์ของมัน เพราะไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อใด

                ในการคิดถึง Postmodernism โดยการคิดถึงสิ่งที่เกี่ยวกับความทันสมัย (modernism) ความ เปลี่ยนแปลงเกิดจากการเริ่มและขยายความจากความทันสมัย มีสองประเด็นหลัก หรือสองแนวทางในคำจำกัดความ ทั้งสองนี้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจในแนวคิด Postmodernism

                Postmodernism มีความคล้ายคลึงกันกับ modernism ตาม ความคิดที่เหมือนกันเหล่านี้คือ ปฏิเสธเส้นแบ่งระหว่างความสูง-ต่ำในรูปแบบของศิลปะ ปฏิเสธความแตกต่างในความเป็นศิลปวัตถุที่เคร่งครัด เน้นการหลอมรวมกับสิ่งที่คุ้นเคย กำมะลอ การแดกดัน และความขบขัน ในแง่ศิลปะ (และความคิด) ของ Post modern มักไหลย้อนกลับและมี สำนึกของตนเอง เปราะบางและไม่ต่อเนื่อง (โดยเฉพาะโครงสร้างการบรรยายความ) ขัดแย้ง ในเวลาเดียวกัน และการเน้นรื้อเปลี่ยนโครงสร้าง ย้ายความเป็นศูนย์กลาง ตัดสิทธิ์ความเป็นประธาน

                แม้ในความเป็น postmodernism ดูเหมือนจะคล้ายกับ modernism ในหลายเรื่อง แต่ความเป็นจริงความแตกต่างกันอยู่ที่ทัศนะคติในเรื่องนั้นๆ ดังเช่น  Modernism ที่ โน้มเอียงไปที่ความเปราะบางในแง่ที่เกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์และประวัติ ศาสตร์ โดยเสนอว่า ความเปราะบางนั้นเป็นบางสิ่งที่เลวร้าย บางสิ่งที่เป็นความโทมนัสและเศร้าโศรกในความสูญเสีย งานของนักทันสมัย พยายามหยิบยกความคิดของงานศิลปะที่สนองความเป็นเอกภาพ ยึดเหนี่ยว และให้ความหมายในสิ่งที่สูญหายไปในชีวิตสมัยใหม่ ศิลปะจะสนองตอบในสิ่งที่สูญหายในสถาบันของความเป็นมนุษย์ ในทางกลับกัน ไม่เน้นความเปราะบางของโทมนัส สร้างทดแทน หรือไม่เกาะยึดไว้ แต่ค่อนไปทางกระทำดังที่เห็นราวกับว่า 'โลก' นั้นไร้ความหมาย ไม่แสร้งทำให้ดูเหมือนว่าศิลปะสามารถให้ความหมายได้ กลับปล่อยให้เป็นเรื่องเล่นๆที่ไร้สาระ
 
                                                                                                                                                                                     
 
 Modernism
“โมเดิร์น”นั้น คือ ลัทธิ์สมัยใหม่นิยม  ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับทัศนคติใหม่ๆที่มีต่ออดีตและอนาคต  โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปลายคริสต์ตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติของยุโรป  ทำให้ศิลปินเริ่มยอมรับว่าการเขียนภาพ"เหตุการณ์ ปัจจุบัน-ร่วมสมัย"  ก็มีคุณค่าทางศิลปะเท่าเทียมกับภาพเขียนเรื่องราวในอดีตตั้งแต่ยุคโบราณหรือ ยุคประวัติศาสตร์จากคัมภีร์ไบเบิล  การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั่วไปในยุโรปเมื่อปีค.ศ. 1848และการเสื่อมความนิยมที่มีต่อศิลปะตามหลักวิชา(academic art)ทำให้กระเเสศลิปะลัทธิสมัยใหม่เติบโตมากขึ้น
      ความคิดเกี่ยวกับลัทธิ “สมัยใหม่” ต้องการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปสู่ความเป็นสังคมยุคอุตสาหกรรม แต่ “หลังสมัยใหม่” มีความปราถนาที่จะก้าวไปสู่ยุคอิเล็คโทรนิคมากกว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การทำงานศิลปะสมัยใหม่และทฤษฎีศิลปะต้องอยู่ในกฏเกณฑ์มากขึ้น มีกรอบที่ชัดเจนและแคบลงเกือบจะเหลือแค่ “ศิลปะกระแสหลัก” ที่เป็นแนวนามธรรมกระแสเดียว จากแนวคิดและรูปแบบของศิลปะลัทธิ มินิมอลลิสม์ (Minimalism) ที่ทำให้ศิลปินในช่วงนั้นกลับไปสู่ความเรียบง่ายอย่างถึงที่สุด จนเปรียบได้ว่ากลับไปที่เลขศูนย์เลยทีเดียว รูปทรงในศิลปะถูกลดทอนจนเปลือยเปล่า แทบจะไม่มีอะไรให้ดู   การมองโลกในแง่ดีและความคิดในเชิงอุดมคติแบบลัทธิสมัยใหม่ต้องหลีกทางให้แก่ ความรู้สึกที่ความหยาบกร้านและข้นดำของลัทธิ หลังสมัยใหม่